My Diary (8 july 2015) รถติดยาวก่อนถึงลำปาง รถเคมีคว่ำ

My Diary (8 july 2015) รถติดยาวก่อนถึงลำปาง เพราะมีรถเคมีพลิกคว่ำ


เราหยุดถ่ายรูปทุ่งนากันก่อนหน้าสักพัก แล้วเดินทางขึ้นลำปาง เจอรถติดแบบไม่ขยับ นานประมาณ 30 นาทีได้ที่อยู่นิ่งๆ มีตำรวจคอยกันถนนไว้ ไม่รู้ว่าทำไม จะกระทั้งเขาปล่อยรถ และให้สวนเลนขึ้นไปที่ถนนอีกฝั่ง แล้วก็มา อ้อ เมือ่เห็นรถบรรทุกสารเคมีคว่ำนั้นเอง ถึงว่ามีรถดับเพลิงด้วย


เหตุน่าจะเกิดก่อนหน้าเราไม่นานนัก แต่ตำรวจต้องกั้นถนนเป็นกิโล ทั้งสองฝั่งไม่ให้รถผ่าน

เลนจอดรถ (Parking Lane) เมืองตาก

ขับรถผ่านจังหวัดตาก เห็นเขาจอดรถกัน เหมือนว่าจะจอดกลางถนน ไม่ต้องแปลกใจ เขาจัดไว้เป็นเป็นเลนจอดรถ (Parking Lane) คั้นกลางระหว่าง เลนรถยนต์ และ เลนสำหรับรถจักรยาน ...ณ ถนนพหลโยธิน(AH2) อ.เมือง จ.ตาก

ถนนในเมืองตาก ที่เป็นจุดบริเวณถนนพหลโยธิน ที่นักเดินทางจะต้องขับผ่านเมื่อขึ้นเมืองเหนือ จะเป็นถนนที่กว้างมาก ช่วงนี้จะบริเวณตัวเมืองตากพอดี เขาจัดเป็นเลนจักรยาน และมีเลนจอดรถ แล้วก็มีเลนรถวิ่งอีก3เลน เป็นแบบนี้ทั้งสองฝากถนน

จากรูปจะเห็นว่า จังหวัดตากเขาทำสัญลักษณ์ไว้ด้วยว่าเลนนี้ใช้กับจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ทาสีฟ้าไว้ มีป้ายบอกสีฟ้าด้านบนด้วยว่าเป็นเลนจักรยาน ส่วนเลนข้างๆเป็นเลนจอดรถ

มาครั้งแรกผมเองเคยไปจอดต่อท้ายรถที่จอดอยู่นึกว่าติดไฟแดง ที่ไหนได้ เป็นเลนจอดรถ ก็ว่าทำไม่รถไม่ขยับ

ใครไปเที่ยวเมืองตากลองสังเกตุดูนะครับ

เที่ยวเมืองปาย วันธรรมดาคึกคักที่สุด

เสน่ห์ปายอีกอย่างในช่วงเวลานี้คือ ที่ถนนคนเดิน หรือภายในเมืองปาย วันธรรมดาจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก ผิดกับคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ที่จะแลดูเงียบเหงา คนขายน้อย คนเที่ยวก็น้อย แต่พอเป็นคืนวันธรรมดา กลายเป็นคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผิดกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆที่คึกคักวันหยุด

...มาเที่ยวปายวันธรรมดาดีที่สุด คึกคักดี

..ภาพนี้ถ่ายคืนวันที่โพสต์นี้ละครับ

บอยสะดุดตา
รายงานจากปาย จ.แม่ฮ่องสอน
15/July/2015

คลุมเครือ กล้วยมีกลีบใบเหมือนดอกไม้

มันแปลกตามากสำหรับผม ที่ได้เห็นต้นกล้วยออกเครือลักษณะนี้ มีกลีบใบคลุมเครือกล้วยอีกชั้น ...เหมือนดอกไม้ที่มีกลีบดอกห่อหุ่มเครือกล้วอีกชั้น ...นึกถึงคำว่า"คลุมเครือ"ขึ้นมาเลย (แต่ว่าไม่เกี่ยวกัน) อิอิ

 คงจะมีคำถามตามมาว่าผมถ่ายภาพนี้ที่ไหน ณ มุมหนึ่งของเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน ครับ คือไปกินส้มตำกันที่ร้านแห่งหนึ่งในเมืองปายนี้ละ เห็นออกเครืออยู่หลังบ้านเลยเดินไปถ่ายภาพมาให้ชมกัน ไม่แน่ว่าหลายคนอาจจะไม่เคยเห็นหมอืนผม แต่จะว่าไปมันก็ดูสวยงามเหมือนดอกไม้ดอกใหญ่ทีเดียว

จากภาพนี้จะเห็นชัดเจนนะครับลักษณะต้นกล้วยก็เหมือนๆทั่วไป แต่เครือกล้วยที่ออกมามีกลีบใบด้วย ผมเลยเดินเข้าไปดู

ลองถ่ายภาพแนวนอนให้ชมกันบ้าง ต้นนี้ออกเครอเดียวเป็นต้นกล้วค่อนข้างสูง

ซูมเข้าไปให้เห็นชัดๆ ว่ากลีบใบที่เห็น ด้านบนจะเป็นลักษณะกลีบใบใหญ่ และค่อยๆเล็กลง แต่ส่วนปลายมีบานออกเหมือนดอกไม้ด้วย 

ส่องดูจากมุมล่างจะเห็นว่ามีหวีกล้วยอยู่ด้านใน ถูกปกคลุมด้วยกลีบใบกล้วย

อยากรู้จังว่ากล้วยพันธุ์นี้ คือ พันธุ์อะไร ออกเครืออย่างนี้ทุกครั้งมั๊ย

ยิงหน้าไม้ที่เมืองจีน แค่10หยวน

เดินเที่ยวในเมืองเฟิ่งหวง ประเทศจีน แล้วไปเจอกิจกรรมหนึ่งเข้าครับ น่าสนใจมาก เห็นแล้วนึกถึง งานวัดในเมืองไทย ที่เราจะมียิงปืน ยิงเป้า ยิงตุ๊กตา อะไรแบบนั้น

อันนี้ครับ "ยิงหน้าไม้" ซึ่งเป็นหน้าไม่อัตโนมัติซะด้วย รูปแบบโบราณ อย่างที่เห็นในหนังจีน ยุคจิ่นซี่โน้นเลย

ที่ร้านเขามีราคา แจ้งไว้ จ่าย10หยวน ได้ยิง20ลูกศร เพื่อมีคนสนใจอยากเล่นผมเลยถ่ายภาพมาแนะนำกันไว้ ครับ ที่ไหนๆก็นิยมแนวย้อนยุคกันนะครับตอนนี้ ยิงปืน ยิงธนู เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวกำลังสนใจ

ภาพนี้ถ่ายที่เมืองเฟิ่งหวง ประเทศจีน
10หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50 บาทจร้า

ซอสพริกหรือน้ำผลไม้ใส่พริกเนี่ย

มากินก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่งในนครพนม เจอซอสพริก สะดุดตา ประหนึ่งว่า เป็นน้ำผลไม้ใส่พริกก็ไม่ปาน ดูส่วนผสมข้างขวด มะละกอสุก 20% มะเขือเทศ20% พริกสด25% แต่อร่อยนิ .

เห็นส่วนผสมอย่างนี้แล้วก็คิดไปแล้วละครับว่ามันเหมือนจะเป็นน้ำมะเขือเทศปั่นใส่มะละกอสุก แล้วเติมพริกลงไป 555 รสชาติใช่ได้ พอลองค้นข้อมูลดูก็รู้ว่า ปกติซอสมะเขือเทศใส่ส่วนผสมที่เป็นมะลอกสุกกันอยู่แล้วมากน้อยแล้วแต่ยี่ห้อนั้นๆ แต่สำหรับยี่ห้อนี้ ได้ใจไปแล้วจร้า ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจริงๆ

ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเฟื่องฟ้า อ.เรณูนคร จ.นครพนม

ขวดอย่างที่เห็นนี้ละครับ ราคาแค่24บาทเท่านั้นเอง 

เห็นส่วนผสมแล้วน่าสนใจครับ น่าจะเป็นสูตรพิเศษ พลิตที่จังหวัดอุดรธานี 

แถวนี้เขากินกับก๊วยเตี๋ยวกัน นะจ๊ะ 

ไม่แน่นะครับ ถ้ามีใครเอาไปปรับสูตร จากซอสพริก อาจจะกลายเป็นซอสมะละกอ ก็เป็นได้ 

วิถีจับปลาริมโขง ผาหินแนวสามพันโบก

เป็นภาพวิถีชีวิต ริมแม่น้ำโขงในช่วงเส้นทางท่องเที่ยวสามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานีครับ ถ้ามองจุดนี้จากแผนที่ หรือทางอาการจะเห็นว่าเป็นช่วงที่แม่น้ำโขง เต็มไปด้วยโขดหินใหญ่ ทั้งสองฝากฝั่ง และเป็นขุดแคบสุดของแม่น้ำโขงอีกด้วย ทำให้น้ำไหลเร็วแรงทีเดียว

ลักษณะธรรมชาติแบบนี้ ทำให้เป็นที่ชุมนุมปลา ชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ จึงทำการประมงน้ำจืด แบบง่ายๆ ด้วยการออกมาจับปลา ใช้อุปกรณ์เพียงแค่ ที่ตักปลาขนาดใหญ่เท่านั้น รูปร่างคล้ายสวิงขนาดใหญ่ แค่ควักลงไปในน้ำตักขึ้นมาก็ได้ปลาละ บางส่วนก็จะใช้เบ็ดตกปลาก็มี ใช้แห่โยนเอาก็มีบาง

แต่ที่ชอบมากคือ ลักษณะของจุดจับปลาบริเวณนี้ เป็นธรรมชาติที่แปลกตา มีก้อนหินขนาดใหญ่ริมสองข้าง ลักษณะผาหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปลักษณะสวยงามตามแบบธรรมชาติ ถ้ามาเที่ยวสามพันโบกลองนั่งเรือเที่ยวก็จะได้เห็นภาพธรรมชาติริมแม่น้ำโขงสวยๆและ วิถีชาวบ้านในการจับปลาในแม่น้ำโขงแบบนี้ละครับ

ผมนั่งเรือที่ท่าเรือหาดสลึง จ.อุบลราชธานี 

พาไปนั่งรถไฟแมวที่ญี่ปุ่น Tama Train น่ารักทั้งภายในภายนอกเลยละ

ขบวนรถไฟแมวทามะ (Tama Train) รถไฟหน้าตาแมวทามะ ขบวนสีขาว ด้านในตกแต่งได้น่ารักมาก มีห้องสมุดให้อ่านหนังสือ เก้าอี้ก็น่ารักน่านั่งมากเลยครับ ต่างจากรถไฟทั่วไปที่เราเคยเจอมา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครมาก็ต้องอยากจะนั่งรถไฟขบวนนี้กัน

จากสถานีรถไฟวะกะยะมะ (Wakayama) ถึง สถานีคิชิ (Tama station) ค่าตั๋วไปกลับ 650 เยน เด็กราคา 350 เยน ระยะทางเส้นทางสายนี้ 14.3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30นาทีเท่านั้น

รถไฟสายนี้อยู่ที่ จังหวัดวะกะยะมะ ประเทศญี่ปุ่น

ดูในคลิปนะครับ พาขึ้นไปนั่งบนรถไฟเที่ยวกัน ที่สถานีรถไฟคิชิ แห่งนี้ยังมีขบวนรถไฟน่ารักอีกนะครับ เช่น ขบวนรถไฟสตอเบอรี่ ขบวนรถไฟของเล่น สำหรับขบวนนี้เป็นขบวนรถไฟทามะ ตกแต่งได้น่ารักทั้งข้างนอกและข้างใน

มะม่วงขายตึก ประวัติความอร่อยจนต้องขายตึก

ได้ยินชื่อก็น่าสนใจแล้วกับมะม่วงพันธุ์ไทยโบราณ ที่ชื่อว่า "มะม่วงขายตึก" ขายตึกเป็นชื่อพันธุ์ มีประวัติความเป็นมา ของตำนานความอร่อย จนต้องขายตึกมาทำสวนมะม่วงพันธุ์นี้กันเลย …เห็นชื่อสะดุดตาแบบนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่า ว่ามันเป็นยังไง อร่อยมั๊ย

 ประวัติ ทำไมจึงชื่อมะม่วงขายตึก คือมีแขกคนหนึ่งมากินมะม่วงพันธุ์นี้แล้วชอบมากจึงขายตึกมาทำสวนมะม่วง ผู้คนจึงเรียกขื่อพันธุ์นี้กันเรื่อยมา นั้นเอง

 มะม่วงขายตึก เป็นมะม่วงพันธุ์ไทยโบราณ รสชาติ หวานอมเปรี้ยว เนื้อเยอะ น้ำหนักประมาณ 2ลูก ได้หนึ่งกิโลกรัม มีลักษณะ ลูกกลมๆรีๆ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมล็ดลีบ นิยมกินตอนผลดิบแนวๆมะม่วงมัน

 นิยมปลูกกัน แถบ นนทบุรี ฉะเชิงเทรา

ภาพนี้ถ่ายตอนไปเที่ยวพัทยา เขาเอามมะม่วงขายตึกมาขาย ดูน่ากินมาละ ลูกกลมๆมนๆ อ้วนๆ น่ากินเชียว ขายโลละ50บาท

ครั้งหนึ่งในหลวงทรงแล่นเรือใบ จากวังไกลกังวล หิวหิน ถึง หาดเตยงาม สัตหีบ เพียงลำพัง

เป็นเรื่องราวของหาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน ที่ผมฟังแล้วประทับใจ อยากบอกเล่าให้กับเพื่อนๆได้ฟังกันบ้าง ถึงความภูมิใจที่เราได้มีในหลวง ที่ทรงกล้าหาญ และเก่งมาในการกีฬา โดยเฉพาะกีฬาเรือใบ ซึ่งครั้งหนึ่ง ทรงเคยแล่นเรือใบจาก วังไกลกังวล หิวหิน มาถึง หาดเตยงาม สัตหีบ ด้วยพระองค์เองเพียงลำพัง หาดเตยงามจึงไม่เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามแต่เป็นสถานที่น่าจดจำในแง่มุมประวัติศาสตร์ของชาติไทยเราอีกด้วย

 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ทรงฉลองชุดนาวิกโยธิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ ชุดสนามทหารนาวิกโยธิน เป็นครั้งแรก และ ทรงแล่นเรือใบ ประเภทโอเค ชื่อ เวคา (VEGA) เพียงพระองค์เดียว จากวังไกลกังวล หิวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางประมาณ 60 ไมล์ทะเลหรือ 111 กิโลเมตร ทรงใช้เวลาในการแล่นใบในครั้งนี้ถึง 17 ชั่วโมงเต็ม มาถึงหาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธินแห่งนี้ และได้นำธงราชนาวิกโยธิน มาปักไว้ที่ก้อนหินใหญ่บริเวณอ่าวเตยงาม หลังจากนั้น ทรงลงพระปรมาภิไธยบนแผ่นศิลาจารึก ณ ก้อนหินนั้น ซึ่งทหารนาวิกโยธินถือเป็นอนุสรณ์สถานอันทรงคุณค่า และเป็นมหามงคลยิ่ง

 ภาพและเรื่องราวได้ถูกเก็บบันทึก ไว้ ณ พิพิธภัณฑ์​ทหารนาวิกโยธิน หาดเตยงาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โบชัวร์อาคารเรือนรับรอง กองทัพเรือสัตหีบ

เพื่อว่ามีคนสนใจ มองหาที่พักบริเวณ อ่าวสัตหีบ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ทหารเรือครับ เขาจะมีอาคารเรือนรับรอง อยู่ที่หาดดงตาล อ่าวสัตหีบ ตั้งอยู่บนถนนเลียบชายทะเล ราคาห้องก็มีตั้งแต่ 550 ไปจนถึง1พันบาท ในโบชัวร์มีข้อมูลราคาห้องพักจำนวนห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวกครบเลยครับ สามารถรองรับคนจำนวนมาก จัดกิจกรรมกลุ่มได้สบาย

มีบริการห้องจัดเลี้ยงด้วย หรือจเช่าพื้นที่บริเวณสนามหญ้า ก็มีเรทราคาบอกไว้ ราคาในโบชัวร์เป็นราคา ปี2015 นะครับ

คลิ๊ที่ภาพนะครับ จะเป็นภาพใหญ่ สามารถอ่านรายละเอียดได้ชัดเลยละครับ

 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 038 438457 (ต่อ 75033,75047) มือถือ 08 7006 1530-1
 เว็บไซต์ www.navy8.org อีเมล์ : sattahipnacyhotel@hotmail.com

 ที่ตั้ง : กิจการอาคารรับรองฐานทัพเรือสัตหีบ หาดดงตาล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

กล้วยปิ้ง 5ไม้20บาท อิ่มได้หลายครั้ง พศ.นี้ยังถูกอย่างนี้อีกเหรอ

เป็นประสบการณ์ระหว่างการเดินทางไปทำธุระที่ จังหวัดกำแพงเพชร นะครับ ไม่คิดว่า ปัจุบัน พ.ศ.2558 ยุคที่ก๋วยเตี๋ยวชามละ 40-50บาท หมูปิ้งไม้ละ10บาท (ในกรุงเทพฯ) แล้ว จะได้มาเจอกับกล้วยปิ้งราคาถูก ชนิดที่ว่า กินจนอิ่มแล้วอิ่มได้อีก ขายที่ 5ไม้ 20บาทเท่านั้นเองครับ

 เป็นกล้วยปิ้ง แบบแบนๆ ปิ้งร้อนๆ ราดด้วยน้ำกะทิหวานๆ อร่อยมากครับ เป็นอาหารว่างแบบไทยๆ ที่หลายประเทศคงไม่มีโอกาสได้กินแบบนี้ ก็เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน กล้วยปลูกได้ทั่วไป ราคาไม่แพง แต่ปัจจุบันกล้วยราคาแพงขึ้นมาก บางที่เราถึงกับต้องซื้อกล้วกันเป็นลูก ถ้าใครได้เข้าในร้านสะดวกซื้อ ปัจจุบันก็มีขายกล้วยกันเป็นลูกๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งหวี เพราะซื้อเป็นหวีก็มีราคาสูงขึ้นมากเช่นกัน 

แต่ที่นี่ เขาขายกล้วยปิ้ง ถูกจริง 20บาทได้ตั้ง5ไม้ กินแค่2ไม้ผมก็อิ่มแล้ว อาหารกินแล่นง่ายๆสไตล์ไทยๆ แก้หิวได้ดีทีเดียว ...จากรถมอไซค์พ่วงขายกล้วยปิ้งคันเล็กๆ หน้าอำเภอขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร

 บอยสะดุดตา

ปริศนาถังน้ำบนหลังคาวัดญี่ปุ่น มันคืออะไร ที่วัดคองโกบุจิ เขาโคยะซัง

ไปเที่ยววัดเก่าแก่ของญี่ปุ่น ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นที่มรดกโลก เขาโคยะซัง (Koyasan) ซึ่งเต็มไปด้วย วัดมากมาย กว่า52 วัด และหนึ่งในวัดนั้น มีวัดคองโกบุจิ( Head Temple Kongobuji) ที่ถือว่าเก่าแก่และสำคัญมากวัดหนึ่งบนเขาโคยะซัง เป็นวัดหลักที่มีสาขามากกว่า 3,600สาขา อาคารทำด้วยไม้ทั้งหมด และที่สะดุดตาผมมากคือ มีถังน้ำไม้ใบใหญ่มากตั้งอยู่บนหลังคาวัดคองโกบุจิ

แล้วถังน้ำพวกนี้ตั้งอยู่ทำไมบนหลังคาวัด และยังมีตั้งหลายใบ แต่ดูไปมันก็สวยดีนะครับ เป็นถังไม้เสียด้วย หลายคนคงสงสัยเหมือนผม ...ไปหาคำตอบมาให้แล้วครับ

ภาพ วัดคองโกบุจิ( Head Temple Kongobuji) 

ถังน้ำบนหลังคาวัด

มีหลายจุดครับ ถังน้ำบนหลังคาวัด

ถังน้ำที่เราเห็นบนหลังคาวัดนั้น เขาเอาไว้ใช้ดับไฟ นั้นเอง ...เนื่องจากสมัยก่อน จะเกิดไฟไหม้บ่อย เนื่องจากวัดทำด้วยไม้ และอยู่ในเขาป่า เขาสูง เวลาเกิดฝนตก มักมีฟ้าผ่าลงมา บางทีก็มีไฟใหม้กันบ่อยๆ ทางวัดจึงทำจุดดับไฟไว้เลย บนหลังคาวัด ฝนตกก็รองรับน้ำด้านบนเก็บไว้ ถ้าฟ้าผ่าลงมาไฟไหม้ก็ปีนขึ้นไปเทน้ำดับไฟได้เลย ทางวัดจะมีจุดปีนขึ้น ส่วนบนหลังคาจะมีโซ่สำหรับไต่ขึ้นไปที่ถังน้ำด้วยครับ

จะเห็นรูปมังกรแกะสลักอยู่ที่หน้าจั่วหลังคาวัด ความเชื่อชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับมังกรนั้น มีความเกี่ยวข้องกับน้ำ และเชื่อว่ามังกรจะช่วยพิทักษ์รักษาด้วยน้ำให้พ้นจากไฟไหม้ด้วยจร้า 

เป็นอีกแนวคิด และวิถีของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เราได้เห็นจาก อาคารสถานที่เก่าแก่นะครับ เขาโคยะซังนี้ อายุครบ 1,200ปีในปี 2015 นี้พอดีครับ กำลังจะมีงานฉลองใหญ่

เก็บซากุระจากญี่ปุ่น มาฝากจร้า สวยหรือต่างกับนางพญาเสือโคร่งหรือเปล่า

ได้เห็นซากุระที่ญี่ปุ่น แบบเต็มต้นอย่างนี้แล้วก็อดคิดถึง ดอกนางพญาเสือโคร่งที่บ้านเราไม่ได้ วันนี้มาเที่ยวเมืองโคยะซัง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกอายุ 1,200 ในปีนี้พอดี(2015) ก็เลยเก็บภาพดอกซากุระมาฝากกันจร้า

ถ้าถามว่า ต่างกันมั๊ย อันไหนสวยกว่ากัน ...ผมอาจจะเป็นคนไม่พิถีพิถันในรายละเอียดมากนัก ผมบอกได้เลยว่า มันสวยงามไม่ต่างกันเลย ไม่ว่าจะซากุระของญี่ปุ่น หรือ นางพญาเสือโคร่งของไทย เคยค้นดูข้อมูลสายพันธุ์จริงๆแล้วมันก็อยู่ในตระกูลเดียวกันนี้ละครับ เพียงแต่ของบ้านเราจะเป็นจะออกเป็นสายพันธุ์ภูเขา ขึ้นอยู่บนที่สูง อากาศหนาว จะออกดอกก็ต้องรอให้อากาศหนาว และแล้ง มันก็จะพลิดอกให้เห็น

ส่วนซากุระของญี่ปุ่น ตามสภาพอากาศแล้ว เขาจะบานในช่วงฤดูใบไม้พลิ ก็ราวช่วงนี้ละครับ เมษายน ของญี่ปุ่น คือ หมดอากาศหนาวจัด เริ่มเข้าสู่อากาศแบบเย็นสบายที่ราวๆ 10-20องศา ช่วงเวลานี้ก็จะเริ่มออกดอกกัน และเป็นสัญญาลักษ์ของการหมดฤดูหนาวซะด้วย เพราะบ้านเขาหนาวทีหนาวจัดกว่าเมืองไทยมาก

จะว่าไปมันก็ออกดอกในช่วงอุฌหภูมิใกล้ๆกันทีเดียว เพียงแต่ว่า ประเทศเรากับประเทศเขามีอากาศ สิบกว่าองศา กันคนละเดือน ของเราต้องหน้าหนาว ของเขาต้องฤดูใบไม้พลิ

ส่วนลักษณะดอกผมบอกเลยว่า ดูไม่ค่อยเป็นนัก ถ้าคิดว่าสายตาผมเป็นแบบคนทั่วๆไปที่ไม่ได้เรียนศึกษษด้านพันธุ์ซากุระมาโดยตรง ก็คงจะบอกว่า มันสวยไม่ต่างกันเลย แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีหลายแบบ หลายลักษณะมากๆครับ สำหรับซากุระ บางต้นกิ่งนี้โน้มแทบติดพื้นดิน บางพันธุ์ก็ชูกิ่งซะสูงเชียว มีทั้งสีขาว สีอมชมพู สีชมพู แยกเข้าไปอีก แต่พอมองที่ลักษณะดอกเหมือนกันมากทีเดียว เหมือนนางพญาเสือโคร่งด้วย

สรุปเลยว่า ผมชอบทั้งดอกนางพญาเสือโคร่ง และดอกซากุระ สวยเหมือนกัน ความรู้สึกที่ได้ชมไม่ต่างกัน

มาผิดสนามบิน ประสบการณ์รีบสุดชีวิต สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง

เป็นประสบการณ์ที่ขอบอกว่า ครั้งแรกเลยกับการจำผิดสนามบิน เดินทางก็บ่อย คราวนี้พลาดจนได้ ทั้งที่ มีกำหนดการทุกอย่างแล้ว เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น กับสายการบินแอร์ไทยเอเชียเอ็กซ์ แล้วนัดกัน 13.00น.ที่เคาเตอร์เช็คอิน นัดเวลาเพื่อๆไว้ เพราะเครื่องออกบ่ายสามกว่าๆ

ไอ้เราก็กะว่าจะไปก่อนเวลานิดนึง เรียกรถแท็กซี่มารับ ดันไปแจ้งว่าจะไปแอร์พอร์ตลิงค์หัวหมาก ในใจคิดว่าต้องไปสุวรรณภูมิ ก็เลยพลาดเลย คราวนี้กว่าจะรู้ตัวถึงสนามบินเรียบร้อย ก่อนเวลาด้วย มาคิดได้ว่านัดกันที่เคาเตอร์แอร์เอเชีย ซึ่งไม่มีในสุวรรณภูมิ เพราะเขาอยู่ดอนเมืองนะซิ บ้าจริง

ทำงไละครับ คราวนี้ อีก ดูนาฬิกา อีกครึ่งชั่วโมง จะบ่ายโมงตามเวลานัดละ ไม่ทันแน่ เพราะมันไกลมาก

ตัดสินใจ นั่งรถไฟแอรืพอร์ตลิงค์กลับไปรามคำแหงแล้วต่อแท็กซี่ อย่างรีบเลยคับ  มาช้าตอนรอรถไฟสัก10นาทีได้

จากนั้นรีบโบกแท็กซี่ ขึ้นทางด่าน ตรงเอกมัย-รามอินทรา​ แล้วเข้ารามอินทรา ดีที่รถไม่ติดด้วย แล้วมาขึ้นด่านโทลเวย์อีกที

สรุปแล้ว นั่งรถไฟออกมา 30บาท ท่างด่วน 30บาท โทลเวย์ 30บาท ค่าแท็กซี่ 250บาท รวมความรีบครั้งนี้ 340บาท และใช้เวลาในการเดินทางมาดอนเมือง 40นาที ทันเวลา

ประสบการณ์ครั้งแรกกับการมาผิดสนามบิน ดีนะครับที่นัดเวลาเพื่อไว้ นี้ถ้านัดเวลาใกล้ๆ เคาร์เตอร์สายการบินปิดละยุ่งเลย

แบคแพคเกอร์สนใจมั๊ย หมอนไม้ พับเก็บได้พกพาสะดวก

ถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆครับ กับหมอนไม้ หมอนที่ทำจากไม้ นั้นละครับ มองปราดแรกก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ได้รู้จากป้าที่ขายเจ้าสิ่งนี้อยู่ว่ามันคือหมอน เท่านั้นละ จินตนาการมาเลย ..เจ๋งอะ!!

เป็นหมอนที่มีแนวคิดการประดิษฐ์ที่นับว่าน่าสนใจมากครับ ปกติเราเคยชินกับหมอนนุ่มๆ หนุนหักันใช่มั๊ยครับ แต่หมอนใบนี้ตอบโจทย์อีกแบบหนึ่งของวิธีชีวิตชาวบ้าน มันถูกสร้างด้วยไม้ และเป็นไม้แผ่นเดียวเล้กๆ ที่เอามาเข้าสลักกันเท่านั้น ใช้หนุนหัวได้ แต่ตองมีผ้าปูรองด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้รอยต่อรอบพับของ หมอนไม้ ไม่หนีบเส้นผม และยังสามารถพับเก็บได้อีกด้วย แข็งแรงทนทาน ประยุกต์ใช้ทำที่วางของได้ด้วย

เห็นแบบนี้แล้ว นักเดินทางทั้งหลาย นักพจญภัย จะสนใจผกติดตัวไว้เป็นหมอนหนุนหัวยามเดินทางกันมั๊ยนะ ...ผมว่าน่าสนใจนะ เพราะบางที่เราก็ต้องนอนในที่ ที่มันวางหมอนลำบาก พื้นอาจจะไม่ได้สะอาดนัก หรือ หมอนนิ่มๆตอบโจทย์การใช้งานไม่ได้

อยากรู้ใช่มั๊ยครับ ว่าผมเจอเจ้า หมอนไม้ นี้ที่ไหน ...ที่ร้านค้าของที่ระลึกหน้าวัดเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด ป้าเขาขายที่ราคา 60บาทเท่านั้น

คลิปวีดีโอ

สัตว์หิน 4ชนิดแห่งสามพันโบก ที่ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้

ธรรมชาติบนลานหินริมน้ำโขง นั้นสวยงามขนาดไหน หลายคนไปเยือนมาแล้ว ยิ่งความงามของสามพันโบกด้วยแล้ว ดั่งต้องมนต์ กันเลยทีเดียว ด้วยภาพที่เห็นเป็นลานหินที่ถูกน้ำเซาะกักกร่อนมาหลายล้านปี จนกลายเป็นหินที่ที่มีพื้นผิว รูปทรง อันเป็นเอกลักษ์ ดั่งงานศิลปะชิ้นใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำโขง ไม่เพียงเท่านั้น รอบบริเวณ ยังปรากฏ หินรูปร่าง แปลกตาอีกมากมาย ที่ทำให้จินตนาการไปได้มากมาย

Fantastic four แห่งสามพันโบก

และจุดเด่นๆ ที่ไปเยือนสามพันโบก(3,000โบก)แล้ว ต้องไปเยี่ยมชมให้ได้ กับสัตว์หิน 4ชนิด ที่เมื่อคุณเห็นจะต้องอึ้งกับธรรมชาติสร้างสรรค์ในครั้งนี้

ภาพนี้ "หินจรเข้" เหมือนมีจรเข้กำลังผุดขึ้นจากบ่อน้ำ อย่างกับกำลังจัดฉากไว้ทีเดียว จุดนี้อยู่ตรง ลานหินสี ซึ่งอยู่ติดกับสามพันโบกนั้นละครับ ตำแหน่งGPS คือ 15.789257, 105.416885

ภาพนี้ "หินเต่า" ดูเอาครับเหมือนเต่าจริงๆละ อยู่ในพื้นที่ริมน้ำ ที่สามพันโบก ตำแหน่งGPS คือ 15.793596, 105.402122

ภาพนี้ "หินหัวหมา" สังเกตุหินที่เป็นหน้าผายืนออกมาทางขวามือของภาพ จุกนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกันมาก ตำแหน่ง GPS คือ 15.793445, 105.402271

ภาพนี้ "หินมิคกี้เมาส์" ขอจัดไว้ในหมวด สัตว์หินด้วยก็แล้วกันนะครับ ก็มันเหมือน หนูมิคกี้เมาส์นี้นะ ตำแหน่ง GPS คือ 15.792805, 105.402364

ใครได้ไปเห็นมาครบกันแล้วบ้าง ยกมือหน่อย